สนับสนุนให้ลูกเต็มที่กับกีฬา ควรทำเมื่อเด็กพร้อม

เมื่อลูกชอบเล่นกีฬา พ่อแม่ควรสนับสนุนให้เด็กได้เล่นเพื่อความสนุก หากจริงจังถึงกับพุ่งเป้าหมายความสำเร็จทางอาชีพการงาน ก็เป็นเรื่องของอนาคต ขอให้เล่นเต็มที่ก็แล้วกัน อย่าไปกดดันให้เป็นนักกีฬาหรือตัวแทนของโรงเรียน เพราะการเล่นกีฬาควรมีพื้นฐานที่ความชอบและสนุกที่ได้ทำ ถ้าตั้งเป้าหมายผิด ๆ อาจทำลายความสำเร็จตั้งแต่ก้าวแรกก็ได้ มีเคล็ดลับอย่างไรให้ลูกทำอย่างเต็มที่และไปได้ไกลกว่าที่คิด

1.เริ่มต้นดีก็ไปได้สวย

เป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่จะผลักดันให้ลูกเล่นกีฬาอย่างจริงจังตั้งแต่อายุน้อยที่สุดที่จะเป็นไปได้ เด็กบางคนสมัครเข้าสถาบันสอนกีฬาตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ เข้าใจว่ายิ่งอายุน้อยยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง ความจริงแล้วการฝึกฝนทักษะด้านกีฬามีความซับซ้อนกว่านั้น อายุเกณฑ์เฉลี่ยของคนที่เรียนแล้วก็เลิกอยู่ที่อายุ 15-16 ปี ตัดสินใจหยุด ไม่ไปต่อเสียแล้ว น่าเสียโอกาสเพราะการคัดเลือกเยาวชนส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 19 ปีขึ้นไป

2.สนามกีฬาไม่ใช่สนามเด็กเล่น

กีฬาบางประเภทอย่างรักบี้มักจะคัดเลือกนักกีฬาที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก เพราะกายภาพของเด็กไม่รองรับกีฬาที่มีแรงปะทะสูง ผู้เล่นจำเป็นต้องเติบโตในระดับเยาวชนก่อน ในช่วงวัยรุ่นถือว่าสุกงอมพอที่จะเล่นกีฬาหนัก ๆ ได้ จึงมีการตัดกลุ่มอายุของเด็กตามวันเดือนปีเกิด ส่วนเด็กที่อายุน้อยกว่าก็ยังพอมีโอกาสเพราะมีเกณฑ์การคัดเลือกจากระดับความสูงและประเมินวุฒิภาวะด้วยว่ามีความสามารถในการพัฒนาต่อไปได้ดีแค่ไหน ผู้ปกครองต้องเข้าใจว่าทักษะเป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกับขนาดและความแข็งแกร่ง ถ้าเด็กมีทักษะดีในระดับที่เรียกว่ามีพรสวรรค์ก็อาจติดทีมได้ รวมทั้งประเมินการสนับสนุนจากพ่อแม่และแรงจูงใจประกอบกัน เรียกว่ามององค์ประกอบรวมมากกว่าลักษณะเด่นอย่างใดอย่างหนึ่ง สนามกีฬาจึงไม่ใช่สนามเด็กเล่น นักกีฬาต้องมีความพร้อมและความสามารถหลายมิติ รวมไปถึงการสนับสนุนจากพ่อแม่ แรงจูงใจ และทักษะที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น

3.ปล่อยให้เล่นอย่างอิสระ ไม่คำนึงถึงชัยชนะอย่างเดียว

การฝึกฝนเด็กรุ่นใหม่ให้เติบโตเป็นนักกีฬาที่ประสิทธิภาพจะต้องฝึกฝนหลายรูปแบบ ทั้งทักษะการเล่นกีฬาและความคิดไปพร้อมกับ เราเล่นกีฬาเก่งและชนะการแข่งขันก็ต้องยกย่องนักกีฬาและโค้ชที่มีความสามารถสูง แต่ไม่ใช่ว่าชัยชนะจะมีความสำคัญเหนืออื่นใด การชนะไม่ใช่ทุกอย่าง แต่มีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะกีฬาทำให้ร่างกายแข็งแรง เป็นคนช่างสังเกต รู้จักวางแผนและแก้ไขปัญหาล่วงหน้าอย่างฉลาด

การที่พ่อแม่สนับสนุนให้ลูกเล่นกีฬาเมื่อพร้อม ดีกว่าบังคับให้เล่นตั้งแต่ยังอายุน้อย เด็กจะสนใจเริ่มเล่นกีฬาในช่วงวัยรุ่นซึ่งมีฮอร์โมนเป็นแรงขับให้ต้องออกกำลังกาย กินอาหารดี สุขภาพดี มีจิตใจที่เข้มแข็งจากการเล่นกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ มีความอดทนและมุ่งมั่น ทั้งหมดจะเกิดจากเด็กเติบโตพอสมควรและมีความเข้มแข็งทางอารมณ์แล้ว มีทักษะการสื่อสารและความเป็นผู้นำซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเด็กอย่างมากในอนาคตทั้งในการเล่นกีฬา ทำงาน และใช้ชีวิตส่วนตัว

มีเคล็ดลับอย่างไรให้ลูกทำอย่างเต็มที่

ชวนคนไทยรู้จักกีฬาอีสปอร์ตให้มากขึ้น ในปี 2019

ปัจจุบัน การเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์เป็นที่นิยมอย่างมาก และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็ทำให้สามารถสร้างเกมส์ที่สนุกและสวยงามขึ้น จึงทำให้เกิดการยกระดับของการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ให้เป็นกีฬาอีสปอร์ตที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงเป็นหมื่นล้านต่อปี และทำให้คนทั่วโลกนิยมกีฬาชนิดนี้มากขึ้น

ในบทความนี้ เราจึงรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเพื่อให้คนไทยรู้จักกีฬาอีสปอร์ตมากขึ้น ดังนี้

ประเทศไทยได้มีการจัดตั้งสมาคมกีฬาอีสปอร์ตในปี พ.ศ. 2556 เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการแข่งขันและการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิก โดยเฉพาะนักกีฬา โค้ช ฯลฯ ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีสนามสำหรับการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตหลายรายการ ได้แก่  

1. ไทยแลนด์ โปร ลีค จัดการแข่งขัน  DOTA2 , League of Legend เป็นต้น

2. E-warriors จัดการแข่งขัน  DOTA2 และ FIFA 18

3. Pro Evolution soccer จัดการแข่งขันฟุตบอลอีสปอร์ต PES

ซึ่งมีทีมกีฬาอีสปอร์ตของคนไทยอยู่หลายทีมที่เริ่มมีชื่อเสียงในช่วง 2 -3 ปีมานี้ โดยผู้เล่นหรือตัวนักกีฬาในแต่ละทีมจะถูกฝึกฝนเพื่อการแข่งขันในเกมส์ที่แตกต่างกันไป ตามความถนัดและประสบการณ์ เช่น

1. ทีมเมดอินไทยแลนด์อีสปอร์ต แข่งเกมส์ฮีโรส์ออฟนิวเอิร์ธ สตาร์คราฟต์ 2 เป็นต้น

2. ทีมแบงกอกไตตัน (Bangkok Titans) แข่งเกมส์ลีกออฟเลเจนด์

3. ทีม Non Appearance แข่งเกมส์แร็กนาร็อกออนไลน์

ซึ่งเกมส์แต่ละชนิด จะมีแนวทางการเล่นต่างกัน ตัวอย่างเช่น

1. เกมส์แนว MOBA หรือ Multiplayer Online Battle Arena เป็นเกมส์ที่ต้องวางแผนแบบเรียลไทม์ (RTS) โดยจะเล่นกันเป็นทีมในการควบคุมฮีโร ที่มีความสามารถในการใช้อาวุธหลายอย่าง เพื่อการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามด้วยการทำลายสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น เกมส์ RoV หรือ DOTA 2

2. เกมส์แนวแอคชั่น RPG ผสมกับ RTS คือเล่นเป็นทีมเพื่อตีเอาชนะคู่ต่อสู้ ทำให้อัพระดับเลเวลขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ขณะเดียวกันก็มีการระดมความคิดสร้างกลยุทธ์การต่อสู้แบบทีมที่ผู้เล่นในทีมจะได้มีส่วนในการแสดงฝีมือแบบที่ต้องมีความสามัคคีจึงจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เช่น เกมส์ League of Legends

3. เกมส์ FPS เป็นเกมส์แนวที่ผู้เล่นต้องถืออาวุธ อ่านแผนที่ เข้าไปต่อสู้แบบการรบ ซึ่งจะมีฉากกราฟิคที่สวยงาม เช่น เกมส์ Counter-strike Global Offensive

การเล่นเกมกีฬาอีสปอร์ต นอกจากจะให้ความสนุกสนานแล้ว ในปัจจุบันยังสามารถทำเป็นอาชีพที่มีรายได้สูงเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ แน่นอนว่ากลุ่มเกมส์โป๊ เกมส์แนว xxx คงไม่ถูกรวมอยู่ในอีสปอร์ตเพราะมันไม่ค่อยเข้าข่ายคำว่ากีฬาสักเท่าไหร่ คำจำกัดความน่าจะอยู่ในกลุ่มหนังโป๊ญี่ปุ่นหรือฝรั่งหรือตามโซนมากกว่าคำว่า E-Sports ทั้งการเป็นนักกีฬา นักออกแบบเกมส์ นักพากย์เกมส์ ฯลฯ ซึ่งในอนาคต คาดว่าจะมีมูลค่าทางธุรกิจที่สูงขึ้นอีกหลายเท่า และจะได้รับความนิยมจากคนไทยเพิ่มขึ้นอีกมากด้วย

กีฬาซีเกมส์ 2019 มีอะไรน่าสนใจ

การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ปี 2019 จะจัดขึ้นที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ปลายปีนี้ ในวันที่ 30 พฤศจิกายนถึง 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562 นับเป็นการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 30 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะมีนักกีฬาลงแข่งขันจาก 11 ประเทศ จำนวน 8,750 คน ร่วมชิงชัยคว้าเหรียญรางวัลแห่งเกียรติยศ

ในการแข่งขันครั้งนี้ มีความพิเศษต่างจากกีฬาซีเกมส์ทุกครั้งที่ผ่านมา คือ จะมีการบรรจุเกมส์อีสปอร์ตให้เป็นกีฬาประเภทใหม่ ซึ่งคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศฟิลิปปินส์และประธานจัดแข่งขันซีเกมส์ ปี 2019 ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา (จึงเป็นการยืนยันได้ว่าการเล่นเกมส์เป็นกีฬาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ไม่ใช่เพียงกิจกรรมเพื่อความบันเทิงเฉพาะบุคคลอีกต่อไป)

โดยทางสมาพันธ์กีฬาอีสปอร์ตชั้นนำแห่งเอเชียหรือ Asian Electronic Sports Federation ได้ประกาศว่าอีสปอร์ตในซีเกมส์ครั้งที่ 30 นี้ จะมีการชิงชัยถึง 6 เหรียญทองจาก 3 ประเภทเกมส์ คือ

(1) เกมส์ Console หมายถึงเกมส์ที่ต้องใช้เครื่องเล่นเสริม แล้วแสดงภาพผ่านบนหน้าจอโทรทัศน์ เช่น เครื่อง PlayStation 2

(2) เกมส์คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ

(3) เกมมือถือ เช่น เกมส์ Bang Bang

ในส่วนของการแข่งขันกีฬาประเภทอื่น ๆ ประธานอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ประเทศฟิลิปปินส์ ได้ประกาศว่าจะมีการจัดอย่างน้อย 30 กีฬา แม้จะไม่มีกีฬาบางชนิดที่คนไทยคุ้นเคยหรือมีความหวังลุ้นเหรียญทอง ได้แก่ เทนนิส ปิงปอง และเปตอง แต่ก็ยังมีอีกหลายประเภทที่น่าสนใจให้ติดตาม เช่น กรีฑา ว่ายน้ำ กระโดดน้ำ ยิงธนู แบดมินตัน บาสเกตบอล ฟันดาบ football ยกน้ำหนัก มวย เทควันโด ฯลฯ

โดยเฉพาะ กีฬาที่เราไม่คุ้นเคย สำหรับการแข่งขันในซีเกมส์มาก่อน ก็เป็นสิ่งที่น่าศึกษาเช่นกัน ได้แก่

– อานิส ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติฟิลิปปินส์ โดยสู้กันตัวต่อตัวด้วยอาวุธที่ทำจากไม้หวาย

-วูซู กีฬาการต่อสู้แบบชาวจีน มีการจู่โจมและปะทะคู่ต่อสู้แบบตัวต่อตัวด้วยแขน ขา ศอก เข่า

-ยูยิตสู เป็นเทคนิคการป้องกันตัวแบบชาวญี่ปุ่น คล้ายกับเทควันโด ยูโดและมวยปล้ำ

-คูราช เป็นกีฬาพื้นบ้านของประเทศอุซเบกิสถาน เป็นศิลปะการต่อสู้ ตัวต่อตัว ผสมผสานระหว่างมวยปล้ำและยูโด

ทั้งนี้ ประเทศฟิลิปปินส์ได้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาซีเกมส์มาแล้วถึง 3 ครั้ง ก่อนหน้านี้ คือ ในปี 1981 ปี 1991 และปี 2005 ซึ่งการเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 4 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ห่างจากครั้งที่ 3 ถึง 14 ปีเลยทีเดียว จึงเป็นที่จับตามองของหลายประเทศ ทั้งในด้านความพร้อม งบประมาณ สิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีถ่ายทอดการแข่งขัน และการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของนักกีฬา ฯลฯ

เชื่อว่า ในซีเกมส์ 2019 ทุกท่านจะได้รับความบันเทิงและได้รับความรู้มากมายจากการแข่งขันกีฬาหลากหลายประเภททั้งแบบดั้งเดิมและกีฬาใหม่ ๆ ซึ่งจะมีความคืบหน้าอย่างไร ต้องไม่พลาดติดตามข่าวสารทางกีฬาตลอดปี 2019 นี้ด้วย

กีฬาซีเกมส์ 2019 มีอะไรสนใจ

อยากลงสนามไตรกีฬา ต้องเตรียมความพร้อมอย่างไร

ไตรกีฬาเป็นหนึ่งประเภทกีฬาที่ท้าทายความสามารถของคนรักสุขภาพและคนที่มองหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในชีวิต ซึ่งกว่าจะมาเป็นนักไตรกีฬาได้นั้น จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ (ยังไม่นับเรื่องของอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ)

ซึ่งในวันนี้ เราจะขอนำเสนอในส่วนของการเตรียมความพร้อมทางร่างกาย เพื่อผู้ที่เริ่มสนใจในกีฬานี้จะได้นำไปใช้เป็นแนวทางในการฝึกซ้อมได้

อยากลงสนามไตรกีฬา ต้องเตรียมความพร้อมอย่างไร ว่ายน้ำ

เนื่องจากไตรกีฬามีอยู่หลายระยะทางการแข่งขัน และเป็นการรวมความแกร่งความสามารถของสามชนิดกีฬา คือ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่งเข้าด้วยกัน ดังนั้นสำหรับผู้ที่เป็นมือใหม่อยากลองลงสนามไตรกีฬาก็ควรเริ่มจากระยะแบบเบื้องต้น คือ ระยะ sprint โดยจะเป็นการว่ายน้ำในทะเลเปิดเป็นระยะทางไปกลับ คือ 750 เมตร ปั่นจักรยานที่ระยะ 20 กิโลเมตร และปิดท้ายที่การวิ่งเบา ๆ แบบฟันรัน (Fun run) 5 กิโลเมตร

เมื่อรู้แล้วว่าต้องเผชิญกับอะไรบ้างในสนามจริง ก็มาสู่การจัดตารางการซ้อม โดยควรมีทักษะพื้นฐานในกีฬาทั้ง 3 ชนิดนี้ และเป็นผู้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว จึงจะสามารถฟิตร่างกายได้ทันภายในเวลาสั้น ๆ คือ ราว 3 เดือน โดยให้เน้นหลักการว่าต้องมีวินัยในการฝึกซ้อมขั้นต่ำ คือ 3 วันในแต่ละสัปดาห์ แต่ถ้าให้ดีที่สุด คือ การกำหนดซ้อม 6 วันทุกสัปดาห์ คือ มีการหยุดซ้อมเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายเพียง 1 วันในแต่ละสัปดาห์เท่านั้น ตัวอย่างวิธีการกำหนดตารางการซ้อม ดังนี้

วันแรกของสัปดาห์ ให้ว่ายน้ำต่อเนื่องยาว 30 นาที โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องของเวลาที่ใช้มากนัก เนื่องจากต้องใส่ใจที่การจัดระเบียบร่างกาย ความถูกต้องของเทคนิคการหายใจ และการจัดท่าทางที่เหมาะสม เพราะย่อมเป็นปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัยในการว่ายน้ำระยะไกลท่ามกลางกระแสคลื่นลมในท้องทะเลจริง

วันที่สอง เน้นเรื่องความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเป็นหลัก โดยต้องซ้อมวิ่งแบบเน้นความเร็ว หรือที่เรียกว่าวิ่ง sprint หรืออาจอาศัยการวิ่งขึ้นลงบันไดหลาย ๆ ชั้นแทน โดยให้วิ่งช้าและเร็วสลับกันอย่างเป็นระบบ เช่น วิ่งด้วย ความเร็วเพซ 7 ถึง 8 (หมายถึงการวิ่งระยะทางหนึ่งกิโลเมตรในเวลา 7 – 8 นาที) แล้วเพิ่มความเร็วเป็นเพช 3 – 5 ราวหนึ่งนาที วนเช่นนี้ห้าถึงสิบรอบ เป็นต้น

วันที่สาม ให้เพิ่มความเร็วในการว่ายน้ำจากวันแรกและปรับเวลาซ้อมเพิ่มเป็น 45 นาที เพื่อเน้นการเพิ่มความจุของปริมาตรปอด เป็นการสร้างความแกร่งในระบบการหายใจ

วันที่สี่ เป็นการซ้อมปั่นจักรยานอย่างน้อย 45 นาที แล้วตามด้วยการวิ่งต่อเนื่องอีก 20 – 30 นาที เรียกได้ว่าไม่มีการหยุดพักเพื่อให้ร่างกายได้ฝึกสร้างความทนทานต่อกรดแลคติค ซึ่งเป็นของเสียตามธรรมชาติจากระบบเผาผลาญในระหว่างออกกำลังกาย

สำหรับวันที่ห้า ให้กำหนดเป็นวันพักและยืดคลายกล้ามเนื้อก่อนจะทำการซ้อมต่อในวันที่หกและเจ็ดแบบ combo คือ เป็นการผสมทุกกีฬาเข้าในการซ้อมรวดเดียว หรือเน้นที่กีฬาใดเป็นระยะเวลายาวนานและเร็วขึ้นจากการซ้อมปกติ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่ากว่าจะเป็นนักไตรกีฬาได้ต้องมีวินัยและกำหนดเป้าหมายของตัวเองให้ชัด ทั้งนี้ต้องสะสมความแข็งแกร่งทั้งทางกายและจิตใจเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บจากการแข่งขันด้วย