เกมคลาสสิกแห่งทัพ “อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์

ทีมชาติฮอลแลนด์ คืออีก 1 ชาติจาก EU ที่ครองใจแฟนบอลมาหลายต่อหลายรุ่น เพราะด้วยภาพลักษณ์ของทีมชาตินี้ที่มีนักเตะระดับโคตรสตาร์ดังอยู่ในทีมมากมายมาแทบจะทุกยุค แถมยังเป็นทีมชาติที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก ต่อบอลเท้าสู่เท้าสวยงาม ยิงเป็นยิง เน้นเอ็นเตอร์เทนคนดูเป็นอย่างมาก แต่มันน่าเสียดายเหลือเกินที่ว่าทีมชาติฮอลแลนด์ ประสบความสำเร็จเพียงแค่การคว้าตำแหน่งแชมป์ยูโร 1988 มาครองได้เท่านั้น ส่วนในเรื่องฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย มันเหมือนกับว่าพวกเขาเจอแรงอาถรรพ์ที่น่ากลัวเข้าครอบงำเลยทีเดียว เพราะพวกเขามีโอกาสเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 3 ครั้งเลยทีเดียว แต่มันก็จบด้วยการคว้าแค่เพียง “รองแชมป์โลก” มันทั้ง 2 สมัยนั่นเอง

แต่ถึงยังไงก็ตาม วันนี้เราจะมาดูกันว่า การแข่งขันนัดสุดคลาสสิกที่ทีมชาติฮอลแลนด์เคยเผชิญมานั้น โดยเฉพาะกับในนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลระดับเมเจอร์ที่แฟนบอลเลือดดัตช์ไม่เคยลืมเลือนเลย มันคือนัดไหนบ้าง เราจะมาชมกัน

ฟุตบอลโลก รอบชิงชนะเลิศ 1974

นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1974 ได้เริ่มแข่งขันที่ประเทศเยอรมัน และในทัวร์นาเมนต์นี้ ชาติไหนทีได้แชมป์โลกไปครอง ก็จะได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์โลกแบบใหม่ ไฉไลกว่าเดิมนั่นก็คือถ้วย “ฟีฟ่า เวิลด์คัพ” ที่ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นมาแทนที่ถ้วย “จูลล์ ริเมต์” ที่ได้มอบให้กับทีมชาติบราซิลไปครองเป็นกรรมสิทธ์แต่เพียงผู้เดียวแล้วหลังจากที่พวกเขาได้แชมป์โลกครบ 3 สมัย เกมนัดชิงชนะเลิศนัดดังกล่าว เยอรมันที่เป็นเจ้าภาพก็นำทัพมาโดยตัวของ ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์ ลิเบอโรลือชื่อที่เป็นกัปตันทีม , แกร์ด มุลเลอร์ โคตรดาวยิงเจ้าของฉายา “แดร์ บ็อมบ์เบอร์” , เซปป์ ไมเออร์ ยอดผู้รักษาประตูของทีม , ไรเนอร์ บอนฮอฟ จอมทัพจากทีมสิงห์หนุ่มที่ยิงได้หนักหน่วง , โวล์ฟกัง โอเวอร์ราธ มิดฟิลด์ซ้ายมันสมองของทีม และยังรวมถึงสตาร์นักเตะอีกมากมายที่เยอรมันตะวันตกภูมิใจเป็นอย่างมาก

ส่วนทางฝั่งของ ฮอลแลนด์ พวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดด้วยระบบการเล่น “โททัลฟุตบอล” นำทัพมาโดย โยฮัน ครัฟฟ์ กองหน้าสไตล์ “ฟอลส์ไนน์” ที่เป็นกัปตันทีม , ร็อบ เรนเซมบริงค์ , จอห์นนี่ เรป , โยฮัน นีสเก้น , รุด ครอล และเหล่าสตาร์ฝีเท้าจัดอีกหลายคนที่พร้อมจะกระซวกประตูของเยอรมัน และหลังจากที่ต่อบอลสั้นอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่เยอรมันไม่เจอบอลนั้น ครัฟฟ์ ก็โดนทำฟาล์วในเขตโทษจนทีมชาติเยอรมันเสียจุดโทษ แล้วก็เป็นตัวของ นีสเก้น ที่ยิงเข้าไปให้ฮอลแลนด์ออกนำ 1-0

แต่ทว่าเยอรมันยังสวมบทคนเหล็กหัวใจสิงห์สุดๆ เมื่อพวกเขามาได้จุดโทษบ้าง แล้วก็เป็น พอล ไบรท์เนอร์ “แดร์ อัฟโฟร์” ที่ยิงเข้าไปให้เยอรมันตีเสมอเป็น 1-1 และจากนั้นก่อนหมดเวลาครึ่งแรก บอนฮอฟ ได้จ่ายบอลให้ มุลเลอร์ กลับตัวยิงในเขตโทษเข้าไป ทำให้นั่นกลายเป็นประตูชัยของเยอรมันตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก เพราะในช่วงครึ่งหลังนั้น ฮอลแลนด์รุมยิงเยอรมันเท่าไหร่ก็ไม่ผ่านมือของ ไมเออร์ ไปได้เลย จนสุดท้ายนั้น เยอรมันก็คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ไปครอง ฮอลแลนด์แม้ว่าจะได้รองแชมป์โลก แต่พวกเขาก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นทีมที่เล่นได้สุดยอดมากกว่าทุกทีมในทัวร์นาเมนต์ 1974 เลยทีเดียว หากคุณได้เปิดบิลแทงราคาพูลในเว็บ HERO88 เอาไว้โดยเชียร์ฮอลแลนด์ แม้พลาดเป้าแต่ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

ฟุตบอลยูโร 1988 นัดชิงชนะเลิศ

นี่คือการแข่งขันที่เรียกว่าเป็นการแก้แค้นอย่างชัดเจนเลยทีเดียว เพราะว่าในรอบแบ่งกลุ่มของยูโร 1988 ฮอลแลนด์ที่สภาพทีมยังไม่สมบูรณ์เพราะต้องรอเช็คความฟิตของ มาร์โก ฟาน บาสเท่น ดาวยิงตัวเก่งของสโมสร มันเลยทำให้ รุด กุลลิท กัปตันทีมชาติฮอลแลนด์ชุดนี้ ต้องรับบทกองหน้าตัวหลักไปก่อน และในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ฮอลแลนด์พ่ายแพ้ให้กับทีมชาติโซเวียต 1-0 แบบช็อกโลก … แต่ในเกมต่อมา ฟาน บาสเท่น ที่ความฟิตกลับมาเป็นปกติแล้ว เขาก็จัดการยิงแฮททริกใส่อังกฤษ และยังพาทีมล่าประตูจนผ่านมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ และคู่ต่อสู้ของพวกเขาในรอบชิงชนะเลิศก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย นั่นก็คือ “ทีมชาติโซเวียต” ที่ฮอลแลนด์แพ้มาก่อนในรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกนั่นเอง

แต่ว่าในเกมนี้ ฮอลแลนด์ ได้กองหน้าที่กำลังพีคลงสนามถึง 2 คนเลยทีเดียว และคนที่เบิกสกอร์แรกก็คือ รุด กุลลิท ที่พังประตูให้กับทีมได้ก่อน 1-0 หลังจากนั้น ฮอลแลนด์ มาได้ประตูย้ำชัยชนะจากการที่ อาร์โนลด์ มูห์เรน “ซ้ายเทวดา” ที่โชว์การวางบอลด้วยซ้ายชั่งทองไปยังเสาไกลให้ตัวของ ฟาน บาสเท่น ยิงฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่ต้องจับ ส่งบอลพุ่งวาบข้ามหัว ไรนาท ดาซาเยฟ มือกาวของโซเวียต และบอลก็มุดลงเสียบเสาไกลจากสุดสวย มันคือลูกยิงใบไม้ร่วงอันลือชื่อของ ฟาน บาสเท่น

2 ประตูที่ กุลลิท กับ ฟาน บาสเท่น ยิงให้กับทีมในครั้งนั้น มันคือการทำให้ ฮอลแลนด์ คว้าแชมป์ยูโร 1988 ไปครอง และนั่นก็คือการคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์เพียงรายการเดียวของพวกเขาที่คว้ามาได้ ผ่านมา 30 กว่าปีนั้น ฮอลแลนด์ ก็ยังไม่เคยเฉียดใกล้กับการคว้าแชมป์ยูโรรายการนี้อีกเลย